• admin@renulifebkk.com
  • แอทธินี ทาวเวอร์ ชั้น 12 เลขที่ 63
  • จันทร์ - อาทิตย์ 9.00 - 18.00 น.

โรคลมชัก อาจเกิดจากกรรมพันธุ์หรือการกลายพันธุ์ของยีน

โรคลมชัก (Epilepsy) ความผิดปกติจากสมองของมนุษย์

โรคเรื้อรังของสมองเกิดจากกลุ่มเซลล์ประสาทในสมองส่งสัญญาณผิดปกติ ในระหว่างที่เกิดอาการชักเพราะเซลล์ประสาทจำนวนมากส่งสัญญาณพร้อมกันทำให้เกิดการกระตุ้นทางไฟฟ้ามากเกินไปในสมองส่งผลให้มีการเคลื่อนไหว ความรู้สึก อารมณ์ หรือพฤติกรรมที่ไม่สามารถควบคุมได้จึงทำให้สูญเสียการรับรู้ได้ ความรุนแรงและผลกระทบของโรคนี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลบางรายอาจมีภาวะอื่นแทรกซ้อนร่วมด้วย ซึ่งโรคนี้ไม่สามารถระบุสาเหตุที่ชัดเจนได้ทุกกรณี อาการชักส่วนใหญ่แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

  • อาการชักชนิดเฉพาะที่ (Focal seizures) เริ่มต้นจากส่วนใดส่วนหนึ่งของสมอง 60% ของผู้ที่เป็นโรคลมชักบางคนได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นอาการชักจากกลีบหน้าของสมอง (frontal lobe) หรือจากกลีบขมับส่วนกลาง (medial temporal lobe) อาการชักแบบนี้อาจสับสนกับโรคอื่นได้ง่าย เช่น อาการง่วงหลับเฉียบพลัน (narcolepsy), เป็นลมหมดสติ หรือแม้แต่ความผิดปกติทางจิตใจ อาจต้องใช้การตรวจหลายอย่างและการสังเกตอย่างใกล้ชิดเพื่อแยกความแตกต่างระหว่างโรคลมชักกับภาวะอื่น ๆ
  • อาการชักชนิดทั่วสมอง (Generalized seizures) เกิดจากการทำงานผิดปกติของเซลล์ประสาทที่กระจายอย่างรวดเร็วทั้งสองซีกของสมอง ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยหมดสติ ล้มลง หรือกล้ามเนื้อหดเกร็งอย่างรุนแรง ประเภทของอาการที่พบ ได้แก่
    • อาการชักแบบขาดสติ (Absence seizures) ทำให้ผู้ป่วยดูเหมือนเหม่อลอยจ้องไปในอากาศ อาจมีหรือไม่มีการกระตุกของกล้ามเนื้อเล็กน้อยร่วมด้วย
    • อาการชักแบบกล้ามเนื้อแข็งเกร็ง (Tonic seizures) ทำให้กล้ามเนื้อของร่างกายแข็งเกร็ง โดยเฉพาะบริเวณหลัง ขา และแขน
    • อาการชักแบบกระตุกซ้ำ ๆ (Clonic seizures) ทำให้กล้ามเนื้อทั้งสองข้างของร่างกายกระตุกซ้ำ ๆ อย่างต่อเนื่อง
    • อาการชักแบบกล้ามเนื้อกระตุกอย่างฉับพลัน (Myoclonic seizures) ทำให้เกิดการกระตุกหรือกระตุกเป็นช่วง ๆ ของส่วนบนของร่างกาย เช่น แขนหรือขา
    • อาการชักแบบกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Atonic seizures) ทำให้กล้ามเนื้อสูญเสียความตึงตัวอย่างกะทันหัน อาจทำให้ผู้ป่วยล้มลงหรือศีรษะตกโดยไม่รู้ตัว
    • อาการชักแบบเกร็งและกระตุก (Tonic-clonic seizures) รวมอาการของการแข็งเกร็งของร่างกายและการกระตุกซ้ำ ๆ ของแขนและ/หรือขา พร้อมกับการหมดสติ
    • อาการชักชนิดทั่วสมองทุติยภูมิ (Secondary generalized seizures) เริ่มต้นจากอาการชักเฉพาะที่แล้วลุกลามไปยังสมองทั้งสองซีก (กล่าวคือ เป็นอาการชักเฉพาะที่ที่พัฒนาไปเป็นอาการชักชนิดทั่วสมอง
>> ประเภทของโรคลมชัก (Types of epilepsy) มีหลายประเภทซึ่งโรคเหล่านี้มีอาการชักเป็นอาการหลัก กลุ่มอาการบางอย่างอาจเกิดจากกรรมพันธุ์หรือการกลายพันธุ์ของยีนแบบ De Novo (เกิดขึ้นใหม่โดยไม่ถ่ายทอดจากพ่อแม่) ในขณะที่บางกลุ่มอาการไม่สามารถระบุสาเหตุได้ <<

กลุ่มอาการโรคลมชักมักถูกอธิบายจากลักษณะอาการที่ปรากฏ หรือจากตำแหน่งในสมองที่เป็นต้นกำเนิดของอาการชัก
  1. โรคลมชักแบบหมดสติชั่วคราว (Absence epilepsy) ลักษณะเด่นคืออาการชักที่เกิดซ้ำและทำให้หมดสติชั่วคราว มักเริ่มในวัยเด็กหรือวัยรุ่น และพบว่ามีแนวโน้มถ่ายทอดทางพันธุกรรม บางรายไม่มีอาการภายนอกชัดเจน หลังจากอาการชักหยุดลง ผู้ป่วยสามารถกลับมาทำกิจกรรมได้ตามปกติทันที แต่ในบางรายเกิดขึ้นบ่อยจนรบกวนชีวิตประจำวัน
  2. โรคลมชักกลีบหน้าสมอง (Frontal lobe epilepsy) เป็นกลุ่มอาการที่พบได้บ่อย มีลักษณะเป็นอาการชักเฉพาะที่สั้น ๆ และอาจเกิดเป็นชุด ๆ ติดต่อกันส่งผลต่อสมองส่วนควบคุมการเคลื่อนไหว ทำให้เกิดกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือเคลื่อนไหวผิดปกติ มีการรับรู้ลดลงระหว่างอาการชัก ส่วนใหญ่เกิดระหว่างนอนหลับ แต่สามารถเกิดขณะตื่นได้เช่นกัน
  3. โรคลมชักกลีบขมับ (Temporal lobe epilepsy - TLE) เป็นโรคลมชักเฉพาะที่ที่พบได้บ่อยที่สุด มักเกิดในวัยเด็กหรือวัยรุ่น ระหว่างอาการชักมักเกิดการรับรู้ที่บกพร่อง เช่น เหม่อลอย เหมือนฝัน หรือมีพฤติกรรมซ้ำ ๆ โดยไม่รู้ตัว (automatisms) การศึกษาพบว่าอาการชักในกลีบขมับที่เกิดซ้ำบ่อย อาจสัมพันธ์กับการหดตัวและเกิดแผลเป็นของสมองส่วนฮิปโปแคมปัส ซึ่งมีบทบาทสำคัญด้านความจำและการเรียนรู้
  4. โรคลมชักจากสมองชั้นนอก (Neocortical epilepsy) เกิดจากอาการชักที่เริ่มจาก เยื่อหุ้มสมองชั้นนอก (cerebral cortex) อาการชักอาจเป็นแบบเฉพาะที่หรือทั่วสมองก็ได้ อาการอาจรวมถึงความรู้สึกแปลก ๆ ภาพหลอน การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ การหดเกร็งของกล้ามเนื้อ การชักกระตุก และอาการอื่น ๆ อีกมากมาย ขึ้นอยู่กับบริเวณของสมองที่ได้รับผลกระทบ
โรคลมชักแต่ละชนิดมีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน ทั้งในแง่อาการ สาเหตุ และการตอบสนองต่อการรักษา ดังนั้นการวินิจฉัยและการรักษาควรได้รับการดูแลจากแพทย์เฉพาะทางด้านระบบประสาท


 

Renulife Wellness and Aesthetics
เปิดให้บริการทุกวันจันทร์ - วันเสาร์ / เวลา 9:00 - 18:00 น.
Tel : +66 65 056 1869
Line OA : @renulifewellness
E-Mail : admin@renulifewellness.org
https://maps.app.goo.gl/FFraBzaGLLoJSdqT7